พลาสติกจากธรรมชาติ ดีไหม ทำไมแบรนด์ยุคใหม่ต้องใช้แพคเกจเทรนด์นี้

พลาสติกจากธรรมชาติ นั้นถือได้ว่าเป็น Material ที่น่าสนใจในยุคนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบัน พฤติกรรมผู้บริโภคนั้นได้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ซึ่งแต่ก่อน เราอาจเคยชินกับการทำแพคเกจจิ้งออกมาให้ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด ยิ่งสวยยิ่งดี แต่ต้องบอกเลยว่าในทุกวันนี้ไม่ใช่แค่นั้นแล้วค่ะ เพราะนอกจากความสวยงามแล้วลูกค้ายังต้องการเห็นความรับผิดชอบและจุดยืนของแบรนด์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนด้วยนั่นเอง ดังนั้น พลาสติกที่มาจากธรรมชาติ จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

“พลาสติกจากธรรมชาติ” คืออะไร? ใช้ทำบรรจุภัณฑ์แบรนด์ยังไงให้ดู Eco-Friendly และทันสมัย

จากที่ได้บอกไปตั้งแต่ข้างต้นค่ะว่า ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น การเลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์จึงไม่ได้มองแค่ความสวยงามหรือใช้งานสะดวกเท่านั้น แต่ยังต้องสะท้อนคุณค่าและจุดยืนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน หนึ่งในวัสดุที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากคือ “พลาสติกจากธรรมชาติ” เพราะนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถดีไซน์ให้ดูทันสมัย และเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว โดยในบทความนี้ Plastic Park จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับพลาสติกจากธรรมชาติให้ลึกยิ่งขึ้น พร้อมแนวทางการนำไปใช้กับบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์คุณ เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ตั้งแต่แรกเห็นจนถึงการใช้งานค่ะ

มาทำความรู้จักกันก่อน “พลาสติกที่มาจากธรรมชาติ คืออะไร” ?

พลาสติกจากธรรมชาติ (Bioplastic หรือ Bio-based Plastic) คือวัสดุพลาสติกที่ผลิตจากพืชหรือวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง หรือแป้งข้าว โดยไม่พึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมเหมือนพลาสติกทั่วไป วัสดุเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ง่ายขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นมิตรกับโลกมากกว่า

พลาสติกจากธรรมชาติมีหลายประเภท ซึ่งบางชนิดสามารถย่อยสลายได้ 100% (เช่น PLA – Polylactic Acid) ขณะที่บางชนิดอาจต้องอาศัยกระบวนการอุตสาหกรรมเพื่อการย่อยสลาย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของวัสดุประเภทนี้คือการลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่สามารถทดแทนได้ และช่วยลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprint) ของแบรนด์

สำหรับเจ้าของแบรนด์ การเลือกใช้พลาสติกจากธรรมชาติในบรรจุภัณฑ์ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของภาพลักษณ์ “รักษ์โลก” เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมนั่นเองค่ะ

เปิด 5 เหตุผล! ทำไม บรรจุภัณฑ์ Biodegradable จึงเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2025 และเป็นกระแสที่แบรนด์ยุคนี้ควรให้ความสนใจ

จากที่บอกไปค่ะว่า บรรจุภัณฑ์ Biodegradable  นั้นได้กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามองในปี 2025 ซึ่งเกิดจากปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้…

1.การตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม

เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจในการลดขยะพลาสติกและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดกระแสการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ

2.กฎหมายและข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้น

หลายประเทศได้ออกกฎหมายควบคุมการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use Plastics) และส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้แบรนด์และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเหล่านี้

3.ความได้เปรียบทางการตลาด

บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้เป็นจุดขายที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ที่มองหาแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่ามากกว่าราคา

4.นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

เทคโนโลยีการผลิตบรรจุภัณฑ์ Biodegradable มีการพัฒนาจนต้นทุนลดลงและใช้งานได้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง หรือสินค้าทั่วไป ทำให้ผู้ประกอบการมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น

5.ความต้องการในเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของหลายอุตสาหกรรมในการลดของเสียและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในปี 2025 ที่กระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยังคงทวีความสำคัญ การเลือกใช้ Biodegradable Packaging จึงเป็นทั้งโอกาสและความจำเป็นสำหรับแบรนด์ที่ต้องการรักษาความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภคและตอบรับความท้าทายของยุคสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

ประเภทของพลาสติกจากธรรมชาติย่อยสลายได้ มีอะไรบ้าง?

พลาสติกย่อยสลายได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและวัสดุที่ใช้ เราสามารถแบ่งได้ดังนี้ค่ะ…

1.พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics)

  • ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น แป้งข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย
  • มีคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม

พลาสติกชีวภาพเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรหรือผู้ผลิตที่ต้องการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน

2.พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Compostable Plastics)

  • ออกแบบให้ย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์ในกระบวนการทำปุ๋ยหมัก (Composting)
  • ต้องผ่านมาตรฐานที่กำหนด เช่น ASTM D6400 หรือ EN 13432

พลาสติกประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปหมุนเวียนกลับมาใช้ในระบบธรรมชาติได้โดยตรง

3.พลาสติกที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ (Oxo-biodegradable Plastics)

  • ผสมสารเติมแต่งที่ช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลาย เมื่อสัมผัสแสงแดด ความร้อน หรือออกซิเจน

แม้พลาสติกแบบ Oxo-biodegradable จะย่อยสลายได้เร็วขึ้นในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ แต่ยังคงต้องตรวจสอบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสารเติมแต่งในระยะยาวต่อไปค่ะ

เทียบให้ชัด! พลาสติกจากธรรมชาติกับพลาสติกทั่วไป แตกต่างกันยังไง?

แม้ว่าพลาสติกจากธรรมชาติ (Bioplastic) และพลาสติกทั่วไป (Conventional Plastic) จะมีหน้าตาและการใช้งานคล้ายกันในหลายด้าน แต่เบื้องหลังกลับมีความแตกต่างที่ส่งผลต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างมากค่ะ ซึ่งหลัก ๆ ความแตกต่างของพลาสติกทั้ง 2 ชนิดนี้ที่สามารถเห็นได้จะแบ่งออกเป็น 5 ข้อด้วยกัน ดังนี้…

1. แหล่งที่มาของวัตถุดิบ

เพราะพลาสติกทั่วไปผลิตจากน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป ขณะที่พลาสติกจากธรรมชาติผลิตจากวัตถุดิบหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด อ้อย หรือมันสำปะหลัง จึงถือเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า และลดการพึ่งพาทรัพยากรฟอสซิลได้อย่างชัดเจนค่ะ

2. ความสามารถในการย่อยสลาย

ซึ่งหากเป็นพลาสติกทั่วไปใช้เวลาย่อยสลายนับร้อยปี และกลายเป็นขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อม ในทางกลับกัน พลาสติกจากธรรมชาติหลายชนิด เช่น PLA สามารถย่อยสลายได้เร็วขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม และบางชนิดสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ จึงลดผลกระทบต่อธรรมชาติได้มากกว่านั่นเอง

3. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์

ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แบรนด์ที่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติจึงมักถูกมองว่า “ใส่ใจ” และ “มีความรับผิดชอบต่อสังคม” มากกว่า โดยแบรนด์สามารถสื่อสารจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน ผ่านการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อโลก ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกและเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้ามากขึ้นค่ะ

4. ต้นทุนและความคุ้มค่า

แม้ว่าพลาสติกจากธรรมชาติจะมีราคาสูงกว่าพลาสติกทั่วไปในบางประเภท แต่ก็มาพร้อมคุณค่าเชิงภาพลักษณ์ และอาจช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในกลุ่มตลาดที่เน้นจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม หากมองในระยะยาว การลงทุนในวัสดุที่ยั่งยืนอาจสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าต้นทุนที่จ่ายไปค่ะ

5. การรองรับการใช้งานและความหลากหลายของรูปแบบ

พลาสติกทั่วไปยังคงได้เปรียบในแง่ของความหลากหลายและทนทานต่อความร้อน แต่ในปัจจุบัน พลาสติกจากธรรมชาติก็ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งในรูปแบบถุง ช้อนส้อม แก้ว หรือบรรจุภัณฑ์อาหาร เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการนำเสนอความเรียบง่าย ทันสมัย และยั่งยืนในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม แม้พลาสติกจากธรรมชาติจะยังมีข้อจำกัดบางด้าน แต่ก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์แบรนด์ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์ในสายตาผู้บริโภค หากเจ้าของแบรนด์ท่านใดกำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อโลก และดีต่อใจลูกค้า การเปลี่ยนมาใช้วัสดุรักษ์โลกอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่คุ้มค่าในระยะยาวนะคะ

บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มาจากธรรมชาติเหมาะสำหรับสินค้าประเภทใดบ้าง?

บรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน โดยสินค้าที่เหมาะสมมีดังนี้ค่ะ…

1. สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม

  • บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารพร้อมทาน: เช่น กล่องใส่อาหาร จาน ชาม ถ้วย หรือช้อนส้อมที่ใช้ครั้งเดียว
  • ถุงสำหรับบรรจุอาหารสด: เช่น ถุงบรรจุผัก ผลไม้ หรือขนมขบเคี้ยว
  • แก้วและหลอดสำหรับเครื่องดื่ม: โดยเฉพาะเครื่องดื่มแบบซื้อกลับบ้าน (Takeaway)

2. สินค้าออร์แกนิกและสินค้าธรรมชาติ

  • ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม: เช่น สบู่แฮนด์เมด หรือสินค้าสปาที่ต้องการสื่อถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สินค้าการเกษตร: เช่น ถุงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ หรือถุงเมล็ดพันธุ์ที่สามารถย่อยสลายไปพร้อมกับการเพาะปลูก

3. สินค้าแฟชั่น

  • บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเสื้อผ้า: เช่น ถุงห่อหุ้มเสื้อผ้าที่เน้นความยั่งยืน

4. สินค้ากลุ่มบริการ

  • สินค้าโรงแรมและร้านอาหาร: เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับของใช้ในโรงแรม (ชุดแปรงสีฟัน หรือถุงใส่ผ้า) และอุปกรณ์สำหรับห่ออาหาร
  • ร้านกาแฟและคาเฟ่: แก้วกระดาษเคลือบพลาสติกย่อยสลายได้ หรือหลอดย่อยสลายได้

5. สินค้าทางการแพทย์

  • อุปกรณ์ที่ใช้ครั้งเดียว: เช่น ถุงมือหรือภาชนะสำหรับใส่ของเสียที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อพิจารณาในการเลือกใช้

  • อายุการเก็บรักษาสินค้า: บรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้มักมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบทั่วไป จึงเหมาะกับสินค้าที่มีระยะเวลาขายหรือใช้งานไม่นาน
  • การย่อยสลายที่เหมาะสม: ควรพิจารณาว่าสินค้าจะถูกนำไปจัดการในสิ่งแวดล้อมที่รองรับการย่อยสลาย เช่น ระบบหมักปุ๋ย (Composting)

ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้นั้นยังเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองความต้องการของตลาดที่เน้นความยั่งยืนได้เช่นกันค่ะ

ข้อควรระวัง

แม้ว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้จะมีข้อดีมากมาย แต่การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องพิจารณาถึงข้อจำกัดและความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์

  • พลาสติกย่อยสลายได้บางชนิดต้องการสภาวะที่เหมาะสมในการย่อยสลาย เช่น อุณหภูมิสูงในโรงงานอุตสาหกรรม
  • อาจมีราคาสูงกว่าพลาสติกทั่วไป

การเลือกใช้พลาสติกย่อยสลายได้จึงควรพิจารณาความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ รวมถึงวางแผนการจัดการหลังการใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ท้ายที่สุด ขอเน้นย้ำอีกครั้งค่ะว่า บรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคและผู้ผลิตควรศึกษาและเลือกใช้งานอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านการใช้งานและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะในยุคที่เทรนด์ความยั่งยืนและการใส่ใจสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้ไม่เพียงแค่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก แต่ยังเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้อีกด้วย การลงทุนในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ แต่ยังสามารถตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดที่ใส่ใจความยั่งยืน รวมไปถึงยังสามารถช่วยดึงดูดลูกค้า Gen Z และ Millennial ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อโลก นี่จึงเป็นโอกาสที่ไม่ควรมองข้ามในการสร้าง Royalty จากลูกค้าและยกระดับธุรกิจให้เติบโตไปในทิศทางที่ยั่งยืนค่ะ

Plastic Park ขายส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ขวดปั๊ม กระปุกครีม หลอดครีม พร้อมพิมพ์ไม่จำกัดสี

พลาสติกพาร์ค เราเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ทุกชนิด เช่น กระปุกครีม หลอดครีม ขวดครีม หัวปั้ม หัวสเปรย์ เรามีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลากหลายกว่า 1,500 รายการ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ด้วยราคาจากโรงงานโดยตรง ทั้งนี้ เรามีรูปแบบของสินค้าให้เลือกมากมายกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง /ขวดพลาสติก/ขวดเครื่องสำอาง / กระปุกครีม / ขวดเซรั่ม /กระปุกสครับ /ตลับครีม / ขวดอโรม่า ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่จะนำไปต่อยอดสินค้าของแต่ละท่าน เพื่อสร้างความน่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่อยู่ด้านในได้อย่างลงตัว เราเชื่อว่า หากลูกค้าได้ข้อมูลที่เพียงพอ จะนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้า และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เกณฑ์การเลือกบริษัทบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่เชื่อถือได้

3 สิ่งควรรู้ก่อนสั่งทำบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง

เลือกใช้กระปุกบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางแบบไหนดีนะ ?