พลาสติก pp ทนความร้อน ได้มากแค่ไหน? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่เจ้าของแบรนด์หลาย ๆ ท่านต้องการทราบ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าพลาสติกนั้นมีหลายชนิด และมักถูกนำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานรวมถึงได้รับเลือกให้เป็น Packaging ของสินค้าหลาย ๆ ประเภท เนื่องจากข้อดีของพลาสติกหลายอย่างที่สามารถตอบโจทย์คุณลักษณะของสินค้าบางประการได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะสินค้าในหมวดเครื่องสำอาง ครีม สบู่เหลว และผลิตภัณฑ์ประทินความงามอื่น ๆ เนื่องจากบรรจุภภัณฑ์ประเภทนี้มีหลายรูปแบบ หากเจ้าของแบรนด์เลือกให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ก็ยิ่งส่งเสริมให้สินค้าของแบรนด์ดูน่าสนใจในสายตาผู้บริโภคด้วย หนึ่งในชนิดของพลาสติกที่นิยมคือ พลาสติก PP ซึ่งมีจุดโดดเด่นที่ทนความร้อนได้สูง ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไร มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน
พลาสติก pp ทนความร้อน ได้แค่ไหน เหมาะกับสินค้าประเภทใดบ้าง?
ขวดพลาสติก เรียกได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานรวมถึงได้รับเลือกให้เป็น Packaging ของสินค้าหลาย ๆ ประเภท เนื่องจากข้อดีของพลาสติกหลายอย่างที่สามารถตอบโจทย์คุณลักษณะของสินค้าบางประการได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะสินค้าในหมวดเครื่องสำอาง ครีม สบู่เหลว และผลิตภัณฑ์ประทินความงามอื่น ๆ เนื่องจากบรรจุภภัณฑ์ประเภทนี้มีหลายรูปแบบ หากเจ้าของแบรนด์เลือกให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ก็ยิ่งส่งเสริมให้สินค้าของแบรนด์ดูน่าสนใจในสายตาผู้บริโภคด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับบพลาสติก PP เรามาทำความรู้จักชนิดของพลาสติกไปพร้อม ๆ กัน
7 ชนิดของพลาสติกที่นำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์
โดยทั่วไปแล้ว พลาสติกนั้นสามารถแบ่งออกได้หลายชนิดด้วยกัน โดยสำหรับชนิดที่มักถูกนำมาใช้เพื่อทำเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าจะมีหลัก ๆ ทั้งหมด 7 ชนิดด้วยกันค่ะ คือ…
- PET / PETE /PE พอลิเอทธิลีนเทเรฟธาเลท (Polyethylene Terephthalate) พลาสติกมีลักษณะ ใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี ไม่เปราะแตกง่าย และกันแก๊สซึมผ่านดี มองทะลุได้ เช่น ขวดน้ำเปล่า ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช เป็นต้น
- HDPE พอลิเอธิลีนความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene) โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) บรรจุภัณฑ์พลาสติกสีขาวและสีอื่นที่เป็นสีทึบ ขวดชนิดนี้จะเหนียวและทนทานกว่า PET ยกตัวอย่างเช่น ขวดนม ขวดแชมพู ขวดน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า กระปุกยา เป็น
- PVC โพลีไวนิล คลอไรด์ (Polyvinylchloride) เป็นวัสดุที่เป็นแบบแข็งหรือเป็นยาง นอกจากท่อพีวีซีที่ใช้เป็นอุปกรณ์ก่อสร้างแล้ว พวกของเล่นเด็ก ผ้าม่านห้องน้ำ แผ่นฟิล์มสำหรับห่ออาหาร แผ่นพลาสติกสำหรับทำประตู และหนังเทียม อีกด้วย ทั้งนี้ พลาสติกชนิดนี้มีข้อดีคือ มีความทนต่อน้ำมัน และกันกลิ่นได้ดี แต่ไม่ทนความร้อน
- LDPE พอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ (Low Density Polyethylene) เป็นฟิล์มพลาสติกที่ยืดหยุ่นได้ เช่น ถุงพลาสติกมีหูหิ้ว หลอดพลาสติก พลาสติกแรปห่ออาหาร เป็นพลาสติกที่มีความ ใส ทนทานต่อความร้อน คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมีและน้ำมัน
- PP พอลิโพรพิลีน (Polypropylene) เป็นพลาสติกชนิดที่ใช้มากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง พลาสติกมีความทนทานต่อความร้อน คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้ยังทนต่อสารเคมี น้ำมัน และ ปราศจากสาร BPA Free มีน้ำหนัก สามารถนำไปใช้ในไมโครเวฟได้ใช้ทำภาชนะ บรรจุอาหาร ถือว่า เป็นพลาสติก Food Grade ที่ มีความปลอดภัยเมื่อนำมาใช้บรรจุ หรือสัมผัสกับอาหาร ไม่ทิ้งสารตกค้างเมื่อสัมผัสกับอาหาร เช่น กล่องใส่อาหาร ชาม จาน ถัง ตะกร้า กระบอกใส่น้ำแช่เย็น ขวดซอส แก้วโยเกิร์ต ขวดบรรจุยา สามารถนำมารีไซเคิลเป็นกล่องแบตเตอรี่ในรถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์
- PS พอลิสไตรีน (Polystyrene) เป็นพลาสติกที่มีความใส แต่เปราะและแตกง่าย ควรหลีกเลี่ยงในการใช้งาน เพราะย่อยสลาย และรีไซเคิลได้ยาก ตัวอย่างสินค้าที่ใช้พลาสติกชนิดนี้ เช่น แก้วน้ำชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง แผ่น CD/DVD กล่องอาหาร กล่องโฟม แผงสวิตช์ไฟ ฉนวนความร้อน ถาดใส่ไข่
- อื่นๆ (Other) ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อจำเพาะ แต่ไม่ใช่พลาสติกชนิดใดชนิดหนึ่งใน 6 ที่ได้กล่าวไปในข้างต้น แต่เป็นพลาสติกที่นำมา หลอมใหม่ได้ อาจเป็นได้ทั้ง Poly Cabonate (pc) , Tritan (Copolyester) และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม พลาสติกแต่ละแบบนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จึงมักจะถูกนำมาใช้บรรจุสินค้าในกลุ่มที่แตกต่างกันออกไป อย่างพลาสติก PP ที่มีการทนความร้อนได้ค่อนข้างสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นอกจากสินค้าไลน์สกินแคร์แล้ว พลาสติกชนิดนี้จะถูกนำมาใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ไลน์อาหารด้วย
พลาสติกโพลีโพรลีน หรือ พลาสติก PP คืออะไร มีคุณสมบัติโดดเด่นอย่างไรบ้าง?
โพลีโพรลีน (PP) เป็นหนึ่งในกลุ่มของเทอร์โมพลาสติก มีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลากหลายด้าน ขึ้นรูปได้ง่าย จึงถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ภายในครัวเรือนเสมอ เป็นวัสดุโครงสร้างกึ่งผลึกที่นำไปประยุกต์ใช้กับงานต่าง ๆ ได้ดี มีความหลากหลายสูง ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารหรือขวดใส่สารเคมีจึงสามารถใช้งนได้อย่างปลอดภัย เมื่อนำมขึ้นรูปแล้วจะไม่แตกหักหรือเสียหายได้ง่ายโดยเฉพะจากความร้อน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลาย ๆ แบรนด์จะเลือกพลาสติกชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม นอกจากพลาสติกชนิดนี้จะสามารถขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนได้หลายครั้ง พลาสติก PP เป็นเทอร์โมพลาสติกประเภทที่มีน้ำหนักเบาที่สุด ส่วนมากจะนิยมนำมาทำบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหาร พลาสติก PP ยังได้รับการจำแนกชนิดของพลาสติก ว่าเป็นพลาสติกประเภทที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ได้อีกด้วย
ข้อดีและข้อจำกัดของพลาสติก PP ในการใช้งานจริง
พลาสติก PP หรือ โพลีโพรพิลีน (Polypropylene) เป็นหนึ่งในวัสดุพลาสติกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ดังนี้
ข้อดีของพลาสติก PP
ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม
พลาสติก PP สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 100–120 องศาเซลเซียส โดยไม่เกิดการเสียรูปหรือปล่อยสารอันตราย จึงเหมาะสำหรับใช้ในบรรจุภัณฑ์ที่ต้องผ่านการอุ่นหรือให้ความร้อน เช่น กล่องอาหารที่ใช้กับไมโครเวฟ ภาชนะใส่น้ำซุป หรือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
น้ำหนักเบา แต่แข็งแรง
แม้จะมีน้ำหนักเบา แต่พลาสติก PP มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นพอสมควร ทำให้สามารถขึ้นรูปได้ง่าย ทั้งในรูปแบบขวด ฝา กล่อง หรือแผ่นฟิล์ม อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่ง เนื่องจากไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับสินค้าโดยรวม
ทนต่อสารเคมีหลายชนิด
PP มีคุณสมบัติในการต้านทานสารเคมีได้ดี โดยเฉพาะกรดและด่างอ่อน ๆ จึงมักถูกนำมาใช้ในบรรจุภัณฑ์เวชภัณฑ์ ยา หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมทางเคมี
ปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหาร
เป็นวัสดุที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Grade) และไม่ดูดซึมกลิ่นหรือรส จึงนิยมใช้ในภาชนะบรรจุอาหารที่ต้องการความสะอาดและปลอดภัย เช่น กล่องใส่อาหารเด็ก ถ้วยน้ำดื่ม หรือบรรจุภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน
โปร่งแสงและขึ้นรูปได้ง่าย
แม้จะไม่ใสเท่า PET แต่พลาสติก PP ก็สามารถทำให้โปร่งแสงได้ และขึ้นรูปได้ดี เหมาะกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัยและแตกต่าง
ข้อจำกัดของพลาสติก PP ที่ควรพิจารณา
ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำจัด
แม้จะทนความร้อนได้ดี แต่พลาสติก PP มีแนวโน้มจะเปราะหรือแตกหักง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก เช่น ในช่องแช่แข็งหรือพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจัด จึงไม่เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องแช่เย็นในระยะยาวค่ะ
ทนแรงกระแทกได้น้อยกว่าพลาสติกบางชนิด
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับพลาสติก HDPE หรือ PET ซึ่งมีความยืดหยุ่นและทนแรงกระแทกได้ดีกว่า พลาสติก PP อาจเกิดรอยร้าวหรือแตกได้ง่ายหากตกหล่นจากที่สูง จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้งานกับสินค้าที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ
ไวต่อรังสียูวี
พลาสติก PP มีแนวโน้มจะกรอบ แตก หรือเปลี่ยนสีเมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรือรังสี UV ในระยะยาว หากไม่ได้รับการปรับปรุงสูตร (Additives) จึงไม่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแดดจัดเป็นประจำ
ด้วยข้อดีที่โดดเด่นและข้อจำกัดที่สามารถจัดการได้หากออกแบบและเลือกใช้ให้เหมาะสม พลาสติก PP จึงยังคงเป็นวัสดุยอดนิยมที่ถูกเลือกใช้ในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความทนร้อน ความปลอดภัยต่ออาหาร และต้นทุนการผลิตที่คุ้มค่า
เปรียบเทียบให้ชัด! พลาสติก PP กับพลาสติกชนิดอื่นต่างกันยังไงบ้าง?
เพื่อให้เข้าใจถึงจุดเด่นและข้อจำกัดของพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูการเปรียบเทียบกับพลาสติกชนิดอื่นที่นิยมใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ดังต่อไปนี้
พลาสติก PP vs PET (โพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต)
PET เป็นพลาสติกที่มีความใสและความแข็งแรงสูง นิยมใช้ในขวดน้ำดื่มหรือขวดน้ำมันพืช ขณะที่ PP มีความขุ่นเล็กน้อยแต่ทนความร้อนได้ดีกว่า PET จึงเหมาะกับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องอุ่นหรือให้ความร้อน เช่น กล่องอาหารสำหรับไมโครเวฟ นอกจากนี้ PET มีข้อได้เปรียบในด้านการกันซึมของแก๊สและกลิ่นได้ดี แต่ PP จะมีน้ำหนักเบาและต้นทุนต่ำกว่า
พลาสติก PP vs PE (โพลีเอทิลีน)
พลาสติก PE มีหลากหลายเกรด เช่น HDPE และ LDPE ซึ่งใช้ทำขวดนม ถุงพลาสติก หรือแกลลอนน้ำมัน จุดเด่นของ PE คือความยืดหยุ่นและความทนทานต่อแรงกระแทก แต่ในทางกลับกัน PP จะทนความร้อนได้ดีกว่าและมีความแข็งมากกว่า จึงเหมาะกับภาชนะที่ต้องการความแข็งแรงและอยู่ตัว ไม่เปลี่ยนรูปเมื่อโดนความร้อนค่ะ
พลาสติก PP vs PS (โพลีสไตรีน)
พลาสติก PS มีลักษณะแข็งแต่เปราะ มักใช้ในแก้วน้ำพลาสติกหรือกล่องโฟมกันกระแทก ขณะที่ PP มีความยืดหยุ่นและทนความร้อนได้ดีกว่า จึงปลอดภัยกว่าเมื่อนำมาใช้กับอาหารที่ต้องอุ่นหรือให้ความร้อน ทั้งนี้ พลาสติกชนิด PS ไม่เหมาะกับงานที่เกี่ยวข้องกับไมโครเวฟหรือความร้อนสูง เนื่องจากอาจปล่อยสารที่เป็นอันตรายได้หากได้รับความร้อน
พลาสติก PP vs PVC (โพลีไวนิลคลอไรด์)
สำหรับพลาสติกชนิด PVC นั้นจะมีความโดดเด่นในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และกันน้ำได้ดีค่ะ มักใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ท่อพีวีซี หรือบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางบางประเภท อย่างไรก็ตาม PVC มักมีการเติมสารเติมแต่งที่อาจไม่ปลอดภัยเมื่อนำมาใช้สัมผัสอาหาร ดังนั้น พลาสติก PP จึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่อใช้ในงานที่ต้องสัมผัสกับอาหารโดยตรง อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาและไม่ต้องพึ่งสารเติมแต่งเพื่อเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยนั่นเอง
พลาสติก PP vs PLA (โพลีแลกติกแอซิด)
PLA เป็นพลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ นิยมใช้ในงานบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แก้วกาแฟ ถ้วยใส่อาหารในร้านอาหารสุขภาพ อย่างไรก็ดี แม้ว่า PLA จะตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการทนความร้อน ซึ่งต่ำกว่าพลาสติก PP อย่างชัดเจน ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้ในไมโครเวฟหรืออุณหภูมิสูง ในขณะที่ PP ยังคงได้เปรียบในแง่ของความทนทานต่อความร้อนและความแข็งแรงของตัววัสดุค่ะ
จากการเปรียบเทียบที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า พลาสติก PP มีความสมดุลทั้งในด้านความแข็งแรง การทนความร้อน และความปลอดภัยต่ออาหาร จึงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ต้องเผชิญกับความร้อนหรือจำเป็นต้องใช้งานร่วมกับไมโครเวฟ
แม้ว่าพลาสติกแต่ละชนิดจะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่ต่างกัน แต่การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมควรพิจารณาจากลักษณะของผลิตภัณฑ์ ลักษณะการใช้งาน และความคุ้มค่าระยะยาวเป็นหลัก ซึ่ง PP ก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างหลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากที่สุด ในหลากหลายอุตสาหกรรมค่ะ
พลาสติกโพลีโพรลีน ทนความร้อนได้แค่ไหน?
จากที่ได้บอกไปว่า พลาสติกชนิดนี้จะสามารถขึ้นรูปโดยใช้ความร้อนได้หลายครั้ง เมื่อนำมขึ้นรูปแล้วจะไม่แตกหักหรือเสียหายได้ง่าย พลาสติก PP มีจุดหลอมตัวที่ 165 องศาเซลเซียส สามารถทนต่อความร้อนได้สูง จึงสามารถทนต่อการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 100 องศาได้ ทนทานต่อสารเคมี ซึ่งรวมถึงน้ำมันชนิดต่าง ๆ ด้วย
พลาสติกโพลีโพรลีน เหมาะกับผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้าง?
แม้จะดูเป็นพลาสติกธรรมดา แต่ต้องบอกก่อนว่าพลาสติก PP นั้นสามารถนำมาบรรจุสินค้าได้หลายชนิดด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น…
- บรรจุภัณฑ์สกินแคร์ โดยส่วนใหญ่แล้วพลาสติกที่นิยมนำมาทำมาทำเป็น Skincare Packaging จะมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ Polyethylene Terepthalate (PET) และ Polypropylene (PP) ซึ่งตัวที่มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสกินแคร์คือ PET เพราะเป็นพลาสติกที่มีน้ำหนักเบา สามารถรีไซเคิลได้ ราคาถูกกว่าแบบอื่น แถมยังช่วยป้องกันการทำลายเนื้อสกินแคร์จากแสงแดด อุณหภูมิ และออกซิเจนภายนอก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะลดประสิทธิภาพการทำงานของสกินแคร์และหมดอายุไวขึ้น
- ภาชนะบรรจุอาหาร นอกจากนี้ก็นำมาทำเป็นภาชนะบรรจุอาหารที่สามารถเข้าเครื่องล้างจาน และเข้าไมโครเวฟได้ นำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องผ่านความร้อน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป
- ขวดบรรจุสารเคมี การทนต่อสารเคมี น้ำมัน และไขมันต่าง ๆ ได้ดี พลาสติก PP จึงมีความสำคัญในการนำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับเก็บสารเคมี หรือบรรจุภัณฑ์ในอุตสาหกรรมที่ต้องเจอกับความร้อนและน้ำมัน ซึ่งพลาสติก PP เป็นฉนวนความร้อนที่ดีมาก แม้อยู่ในอุณหภูมิสูง
- ฟิล์ม หรือ ถุงร้อน นอกจากนี้ยังมีการนำพลาสติก PP ไปลามิเนตเป็นฟิล์ม เพื่อนำไปทำถุงร้อนได้อีกด้วย และอีกคุณสมบัติเด่น คือมีความเหนียว ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี จึงทำให้พลาสติก PP นิยมนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ แต่ถึงแม้จะทนต่อความร้อนได้ดี แต่พลาสติก PP กลับไม่ทนต่อความเย็น จึงไม่เหมาะกับการนำไปบรรจุอาหารประเภท Frozen Food
ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างสินค้าที่ถูกนำมาบรรจุในบรรจุภัณฑ์พลาสติก PP เท่านั้น โดยในความเป็นจริงแล้ว พลาสติก PP ยังถูกเลือกใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทด้วยกัน เนื่องจากคุณสมบัติทนความร้อน น้ำหนักเบา และปลอดภัยต่อการสัมผัสอาหาร ดังนั้น หากเจ้าของแบรนด์ท่านใดที่กำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรองรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานต่ออุณหภูมิ ทั้งในกระบวนการผลิตหรือการอุ่นร้อนก่อนบริโภค พลาสติก PP ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความคุ้มค่าได้อย่างดีค่ะ
Plastic Park ขายส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ขวดปั๊ม กระปุกครีม หลอดครีม พร้อมพิมพ์ไม่จำกัดสี
พลาสติกพาร์ค เราเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ทุกชนิด เช่น กระปุกครีม หลอดครีม ขวดครีม หัวปั้ม หัวสเปรย์ เรามีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลากหลายกว่า 1,500 รายการ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ด้วยราคาจากโรงงานโดยตรง ทั้งนี้ เรามีรูปแบบของสินค้าให้เลือกมากมายกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง /ขวดพลาสติก/ขวดเครื่องสำอาง / กระปุกครีม / ขวดเซรั่ม /กระปุกสครับ /ตลับครีม / ขวดอโรม่า ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่จะนำไปต่อยอดสินค้าของแต่ละท่าน เพื่อสร้างความน่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่อยู่ด้านในได้อย่างลงตัว เราเชื่อว่า หากลูกค้าได้ข้อมูลที่เพียงพอ จะนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้า และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เกณฑ์การเลือกบริษัทบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่เชื่อถือได้
3 สิ่งควรรู้ก่อนสั่งทำบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง
เลือกใช้กระปุกบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางแบบไหนดีนะ ?