ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง ประเภทไหนสำคัญที่สุด?

ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง? เรียกได้ว่าเป็นคำถามที่อาจจะทำให้เจ้าของแบรนด์หลาย ๆ ท่านนึกภาพไม่ออกว่าประเภทของบรรจุภัณฑ์ทั้ง 3 ประเภทดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว บรรจุภัณฑ์ 3 ประเภทดังกล่าวเป็นทุก ๆ ส่วนที่นำมาประกอบกันจนพร้อมและสามารถวางจำหน่ายได้ ซึ่งส่วนประกอบต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาจะมีความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น เจ้าของแบรนด์จึงต้องมาทำความรู้จักเพื่อที่จะได้ออกแบบและวาง Positon ของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ถูกต้องค่ะ

ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง ประเภทไหนสำคัญที่สุด?

ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 3 ประเภท มีอะไรบ้าง ประเภทไหนที่เจ้าของแบรนด์ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด?

ในปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปทำให้บรรจุภัณฑ์เปลี่ยนแปลงและมีความหลากหลายสวยงามมากขึ้น ทั้งการออกแบบ รูปร่าง และชนิดของวัสดุที่ใช้ มีการคำนึงถึงความสวยงามสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น สะดวกในการใช้ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุชั้นดี และการออกแบบสวยงาม จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ดูมีคุณค่า หรูหราและมีระดับมากขึ้นทำให้ผู้ผลิตสามารถที่จะกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าบรรจุภัณฑ์ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ บรรจุภัณฑ์ที่มีรายละเอียดครบถ้วนและสวยงาม จะสามารถทำหน้าที่แทนพนักงานขายได้ เครื่องหมายยี่ห้อ สัญลักษณ์ต่าง ๆ บนบรรจุภัณฑ์ จะช่วยให้คนทั่วไปรู้จักสินค้ามากขึ้น ขนาดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ ์ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ขายเหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างดี นอกจากนี้การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เสียใหม่ของผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายตาของผู้บริโภคนั่นเองค่ะ

3 ประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่รู้จักไม่ได้

จากที่บอกไปว่าเราสามารถแบ่งบรรจุภัณฑ์ออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
  1. บรรจุภัณฑ์ขั้นที่ 1 (Primary Packaging)  เป็นบรรจุภัณฑ์ชั้นในสุดอยู่ติดกับเนื้อของบรรจุภัณฑ์  ทำหน้าที่ห่อหุ้มหรือบรรจุสินค้า
  2. บรรจุภัณฑ์ขั้นที่ 2 (Secondary Packaging) ทำหน้าที่ขายและจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ซื้อผลิตภัณฑ์
  3. บรรจุภัณฑ์ขั้นที่ 3 (Shopping Packaging) ทำหน้าที่ขนส่งผลิตภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม จากบรรจุภัณฑ์ทั้ง 3 ขั้นที่กล่าวมา เจ้าของแบรนด์จะเห็นได้แล้วว่าบรรจุภัณฑ์นั้นมีความสำคัญมาก ๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน เจ้าของแบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญหมดทั้ง 3 ประเภทจะดีที่สุด

ทำไม “บรรจุภัณฑ์” จึงส่งผลต่อการตลาดและยอดขายของแบรนด์?

หากพูดถึง บรรจุภัณฑ์ เราจะนึกถึงการออกแบบกล่องที่มีลายกราฟฟิกหรือรูปภาพที่สะท้อนให้เห็นตัวสินค้า รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ของสินค้าชนิดนั้น ดังนั้น การออกแบบกล่องจึงเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ถ้ากล่องใส่สินค้ามีรูปแบบไม่ดึงดูดใจลูกค้า แบรนด์นั้นก็อาจจะไม่ได้รับความนิยม สุดท้ายผู้ขายต้องกระตุ้นยอดขายด้วยวิธีอื่น เช่น การลงโฆษณาสินค้าในสื่อต่างๆ  ซึ่งเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ได้ผลเพียงแค่ระยะสั้น เนื่องจากการโฆษณาเป็นสื่อที่ลูกค้าจับต้องได้ยาก ซึ่งสิ่งที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากกกว่า คือ บรรจุภัณฑ์
 
บรรจุภัณฑ์ คือปัจจัยหลักที่เป็นแรงสนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้น หากผู้ขายสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างก็จะมีผลต่อการเติบโตทางธุรกิจ อีกทั้งยังเพิ่มยอดขายและสร้างมูลค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ไม่ได้อยู่ที่การใช้งาน แต่เป็นการออกแบบที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ถือเป็นการวางแผนการตลาดที่ลงทุนน้อยแต่สร้างมูลค่าได้มหาศาล
 
ท้ายที่สุด จากผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นว่า บรรจุภัณฑ์เป็นตัวแทนของแบรนด์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด ดังนั้น ผู้ผลิตควรออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สร้างความประทับใจพร้อมกับเชื่อมโยงความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้โดนใจผู้บริโภค      มากขึ้น ผลที่ตามมา คือ ยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น จะเห็นได้ว่า การออกแบบบรรจุภัณฑ์จึงไม่ใช่เพียงแค่งานศิลปะอีกต่อไป แต่คือ การออกแบบแผนการตลาด เพื่อให้ได้ยอดขายที่ดีที่สุดนั่นเอง “ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์”

5 เทคนิคออกแบบ Packaging เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ปังทั้ง 3 ขั้น!!

แน่นอนว่าเทรนด์หรือการตลาดนั้นเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งในปัจจุบันเทคนิคการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้น่าสนใจที่แบรนด์ควรนำไปปรับใช้ประกอบด้วย 5 เทคนิค ดังนี้…

1.น้อย เรียบ ชัด

เทรนด์นี้ยังคงเป็นเทรนด์ของโลกอย่างต่อเนื่อง มันคือความเรียบง่าย แต่ความเรียบง่ายที่ว่านี้มันเพิ่มเติมมาจากโลกที่กำลังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด แม้ว่าร้านค้าจะกลับมาเปิด แต่พฤติกรรมของผู้คนยังคงซื้อของออนไลน์อยู่ แต่บางส่วนเริ่มกลับมาซื้อของ Offline กันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการโดดเด่นในหลายๆ Platform ทั้งหน้าร้านและในออนไลน์ โดยแบรนด์จะต้องมีการออกแบบและสร้างสรรค์สินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความเรียบง่ายและชัดเจนอย่างมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยอาจจะใช้สีที่เด่นชัดและเข้มข้นเพื่อเป็นจุดเด่นหรือการใช้ตัวอักษรใหญ่และการมี QR Code เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

2.แสดงถึงตัวตนของแบรนด์

ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่บรรจุภัณฑ์ที่มีบทบาทสำคัญ ยังรวมไปถึงการทำ Brand Identity ที่สามารถจะออกแบบอัตลักษณ์ให้กลายเป็นภาพจำให้คนจดจำได้ เช่น สี รูปทรง ตัวอักษร โลโก้ ภาพถ่าย และ ไอคอนต่างๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายและความต้องการของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำของ Iconic & Visual Identity ที่ออกแบบ เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำและรู้จักแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น ในที่สุด Iconic & Visual Identity จะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของแบรนด์ให้กับผู้บริโภคด้วย

3.คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

องค์ประกอบหนึ่งของบรรจุภัณฑ์ที่พวกเราต้องคำนึงถึงเพราะแบรนด์ระดับโลกส่วนใหญ่จะนำเอาเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าไปเป็นพันธกิจของบริษัทกันทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้ จากที่ได้บอกไปว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับสัตว์ สิ่งแวดล้อม เป็นอย่างมาก ดังนั้น แบรนด์ไหนที่ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ก็จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นพิเศษ

4.เล่นกับประเด็นสังคม

เทรนด์นี้ยังคงมีความต่อเนื่องมาจาก 2 ปีที่แล้ว เพราะหลาย ๆ ประเด็นที่เป็น Social Issues นั้นยังค่อย ๆ รับการแก้ไขในภาพกว้าง หลาย ๆ แบรนด์เริ่มลุกขึ้นมาป่าวประกาศว่า จุดยืนเรานั้น ยอมรับความหลายหลายของบุคคล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเพศสภาพ, ทุกพลภาพ, ชาติพันธุ์, อายุ , สีผิว และความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น

5. ใช้ Fonts ตัวอักษรให้เหมาะสมกับแบรนด์

Fonts ตัวอักษร สำคัญมากบนบรรจุภัณฑ์ เพราะเป็นส่วนที่บอกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ สรรพคุณ จุดขาย และรายละเอียดส่วนผสมต่าง ๆ จุดนี้เอง จึงอาจต้องไปทบทวนมาก่อนว่า กลุ่มลูกค้าของเรานั้น คือใคร เป็นกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางในการใช้ Fonts ได้ถูก ว่าควรใช้แบบที่มีลูกเล่น เป็นกันเอง หรือ แบบหรูหรา มีมูลค่า มากกว่ากัน ท้ายที่สุด ผู้ประกอบการของแบรนด์ต่าง ๆ ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าแพ็กเกจจิ้งคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า อย่างสินค้าบางชนิดคุณภาพดี แต่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพ็กเกจจิ้งไม่ดึงดูดนักช้อป ดังนั้นการออกแบบแพ็กเกจจิ้งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม และความชอบของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้มีเทรนด์หลาย ๆ อย่างของแต่ละปีเกิดขึ้น ดังนั้น Plastic Park จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทรนด์การออกแบบแพ็คเกจจิ้งปี 2023 ที่เรานำฝากจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของแบรนด์เพื่อนำไปสร้างสรรค์สินค้าและทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเล หากผู้ประกอบการที่กำลังสร้างแบรนด์สินค้าและมองหาโรงงานรับผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางคุณภาพ Plasticpark เรารับผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง จำหน่ายบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางปลีก – ส่ง ราคาโรงงานมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 1,500 รายการ พร้อมบริการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ เรามีความเข้าใจในความต้องการของท่าน เรายินดีให้คำแนะนำ ตอบข้อซักถาม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของท่านตรงกับความต้องการ ทั้งในส่วนของการใช้งานและสร้างจุดแตกต่างให้เหนือกว่าคู่แข่ง

Plastic Park ขายส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ขวดปั๊ม กระปุกครีม หลอดครีม พร้อมพิมพ์ไม่จำกัดสี

พลาสติกพาร์ค เราเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ทุกชนิด เช่น กระปุกครีม หลอดครีม ขวดครีม หัวปั้ม หัวสเปรย์ เรามีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลากหลายกว่า 1,500 รายการ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ด้วยราคาจากโรงงานโดยตรง ทั้งนี้ เรามีรูปแบบของสินค้าให้เลือกมากมายกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง /ขวดพลาสติก/ขวดเครื่องสำอาง / กระปุกครีม / ขวดเซรั่ม /กระปุกสครับ /ตลับครีม / ขวดอโรม่า ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่จะนำไปต่อยอดสินค้าของแต่ละท่าน เพื่อสร้างความน่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่อยู่ด้านในได้อย่างลงตัว เราเชื่อว่า หากลูกค้าได้ข้อมูลที่เพียงพอ จะนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้า และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้ บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เกณฑ์การเลือกบริษัทบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางค์ที่เชื่อถือได้ 3 สิ่งควรรู้ก่อนสั่งทำบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง เลือกใช้กระปุกบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางแบบไหนดีนะ ?